ผู้ที่ชื่นชอบกีฬาหมัดมวยหรือแม้แต่ผู้ที่ติดตามข่าวกีฬาทั่วไปคงเคยได้ยินชื่อของเขาผู้นี้กันมาแล้วกับ คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ นักชกศิลปะการต่อสู้แบบผสม หรือ MMA จากประเทศไอร์แลนด์ผู้โด่งดัง เจ้าของฉายา “เจ้าหมาบ้าไอริช” เนื่องจากคอเนอร์เป็นนักชกที่มีลีลากวน เกรียน อารมณ์ร้าย และปากร้าย มักจะพูดจายียวนกวนโมโหคู่ต่อสู้เสมอ หลายคนจึงขนานนามเขาว่า “เจ้าหมาบ้า” เพื่ออธิบายบุคลิกของเขาอย่างชัดเจน

คอเนอร์ แมคเกรเกอร์

คอเนอร์ในวัยเยาว์

คอเนอร์ เกิดและเติบโตในครอบครัวชนชั้นแรงงานในย่านครัมลิน ชีวิตเมื่อครั้งวัยเยาว์ของคอเนอร์นั้นชื่นชอบกีฬาฟุตบอล ชื่นชอบแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และยังฝึกฝนการเล่นฟุตบอลจนได้เข้าไปเตะให้กับทีมเยาวชนของลูร์ด เซลติก และสโมสรฟุตบอลในท้องถิ่นต่างๆ เป็นเวลาหลายปี

ชีวิตของคอเนอร์มาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อคุณพ่อของเขาพาครอบครัวย้ายไปที่บ้านใหม่เพื่อใช้ชีวิตที่มั่นคงกว่าเดิม คอเนอร์ในวัย 13 ปีได้ย้ายโรงเรียน และย้ายเข้าสู่สภาพแวดล้อมใหม่ ซึ่งที่นี่เองที่ทำให้คอเนอร์ได้รู้จักกับการต่อสู้ โดยการเข้าฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ที่ Crumlin Boxing Club ภายใต้การควบคุมดูแลของ ฟิล ซัตคลิฟฟ์ นักชกโอลิมปิกทีมชาติไอร์แลนด์

“คอเนอร์เป็นเด็กดี เชื่อฟัง” ฟิลเล่าถึงคอเนอร์วัยเยาว์ “เขาฝึกหนักกว่าเด็กคนอื่นๆ มาก สไตล์ของเขาในตอนนั้นคือโต้กลับหนักทุกช็อต รอคู่ต่อสู้พลาด พอมาฝึก MMA เขาก็ทำได้โดดเด่นมาก หลายไฟท์ที่คอเนอร์แข่งแล้วเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ด้วยการชก ซึ่งนั่นล่ะ เขาได้วิชาไปจากที่นี่ เขาถูกสอนให้ชกให้ถูกต้อง และนั่นก็อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาสามารถน็อคเอาท์คู่ต่อสู้ได้มากมาย”

หนทางสู่ MMA

ด้วยความตั้งใจจริงและความมุ่งมั่น ในปี 2008 เมื่อคอเนอร์อายุ 18 ปี เขาได้ขึ้นชก MMA เป็นครั้งแรก ซึ่งคอเนอร์สามารถชนะน็อคได้ตั้งแต่ยกแรก และปีต่อมา คอเนอร์ก็เลื่อนขึ้นไปแข่งในเวทีใหญ่ขึ้น The Irish Cage of Truth และสามารถทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง คว้าแชมป์ได้ 2 รุ่นอย่างที่ตั้งใจ ทำให้ผลงานของคอเนอร์ไปเข้าตาผู้ใหญ่ของ UFC มีการทาบทามคอเนอร์ให้เข้าร่วม UFC โดยนี่คือสิ่งที่คอเนอร์ต้องการ เขาจึงตกลงรับข้อเสนอในทันที

นักมวยกรงผู้ก้าวเข้าสู่นักต่อสู้ศิลปะแบบผสมมืออาชีพยังไม่หยุดความทะเยอทะยาน เมื่อเข้าสู่ UFC แล้ว คอเนอร์ต้องการเป็นเบอร์ 1 ของวงการ MMA จึงมุ่งมั่นลดน้ำหนักลงถึง 20 ปอนด์ เพื่อให้ได้ชกกับ โจเซ อัลโด แชมป์โลกรุ่นเฟเธอร์เวท ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นนักต่อสู้ MMA ที่เก่งที่สุดในขณะนั้น และไม่เคยแพ้ใครเลยมาเป็นเวลา 10 ปี

ไฟต์นี้คอเนอร์สามารถเอาชนะโจเซได้ตั้งแต่ในยกแรก ทำให้เขาโด่งดังเป็นพลุแตกในทันที ต่อมา คอเนอร์ต้องการท้าทายตัวเองให้ยากขึ้นไปอีก ด้วยการประกาศว่าจะขอท้าชิงกับแชมป์โลกรุ่นเวลเตอร์เวท เนท ดิแอซ ซึ่งนั่นทำให้เขาต้องทำน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีก 2 รุ่น และแน่นอนว่าคอเนอร์ทำได้และได้ชกกับเนทอย่างที่ตั้งใจ แม้ว่าคอเนอร์จะพ่ายแพ้ไปด้วยการถูกน็อคในยกที่ 2 แต่เขาก็กลับไปฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขจุดอ่อนของตน จนในที่สุดเมื่อพบกันครั้งที่สอง คอเนอร์ก็สามารถเอาชนะคะแนนได้ โดยที่ตนเองก็ได้รับบาดเจ็บไปไม่น้อยเช่นกัน

คอเนอร์สามารถทำเงินจากการชกได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ทั้งรายได้จากการชกและจากสปอนเซอร์ รายได้หลั่งไหลเข้ากระเป๋ามากมายจนมีชื่อติดโผอันดับนักกีฬา 100 รายที่มีรายได้มากที่สุดในปี 2016 โดยได้รับไปทั้งสิ้นกว่า 22 ล้านเหรียญสหรัฐ

แต่แมตช์ที่สำคัญมากและเป็นแมตช์การตลาดให้แก่ตัวของเขาได้มากที่สุด คือ แมตช์ที่คอเนอร์ข้ามสังเวียนออกไปใส่นวมหนาท้าชิงกับยอดนักมวยสากลระดับตำนานผู้ไม่เคยแพ้ใคร ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ แมตช์นี้รู้จักกันในชื่อ The Money Fight ถือเป็นแมตช์ใหญ่ระดับโลกที่แชมป์โลกมวยสากลอาชีพ 5 รุ่นจะพบกับผู้ท้าชิงที่เป็นแชมป์โลกศิลปะการต่อสู้แบบผสม 2 รุ่น และแชมป์ UFC รุ่นไลท์เวท โดยการแข่งขันนี้จัดขึ้นที่รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา

ผลการแข่งขันไม่เป็นไปอย่างที่คอเนอร์ต้องการ ฟลอยด์ยังคงรักษาสถิติไม่แพ้ใครเอาไว้ได้ด้วยการชนะน็อคคอเนอร์ไปในยกที่ 10 แม้ว่าผลการแข่งขันจะไม่เป็นอย่างใจหวัง แต่รายได้ที่คอเนอร์ได้รับจากการแข่งขันแมตช์นี้แมตช์เดียวก็มีตัวเลขที่สูงลิ่วถึง 75 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,250 ล้านบาท The Money Fight นี้เป็นแมตช์เงินสะพัดอย่างแท้จริง รายได้มากมายมาจากการจำหน่ายตั๋วเข้าชม การเปิดให้ผู้ชมจ่ายเงินเพื่อรับชมผ่านหน้าจอ สปอนเซอร์ต่างๆ รวมทั้งการวางเดิมพัน เดิมพัน MMA ต่อนักชกระดับเทพทั้งสองราย แมตช์ช้างระดับนี้จึงสร้างรายได้ให้แก่ผู้เกี่ยวข้องสมชื่อ The Money Fight อย่างแท้จริง

เมื่อช่วงกลางปี 2019 คอเนอร์ประกาศเลิกชกมวยด้วยวัยเพียง 30 ปี แต่เมื่อไม่นานมานี้ เขาประกาศว่าจะกลับคืนวงการอีกครั้งในเดือนมกราคม 2020 โดยยังไม่มีการเปิดเผยว่าคู่ชกของเขาในครั้งนี้จะเป็นใคร ยังไม่มีใครรู้ว่าเจ้าหมาบ้าจากไอร์แลนด์คนนี้จะสร้างเซอร์ไพรส์อะไรกันแน่ แต่เชื่อว่าตอนนี้คอเนอร์คงกำลังฝึกอย่างหนักหน่วงเพื่อเตรียมพร้อมคว้าชัยชนะในนัดคืนสังเวียนนี้ให้ได้อย่างแน่นอน